บทที่ 2: วิเคราะห์สถานการณ์ – รู้เขา รู้เรา
ก่อนที่เราจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้ว่าตอนนี้เรายืนอยู่ตรงไหน มีอะไรอยู่รอบตัวเราบ้าง และใครคือคู่แข่งของเรา การวิเคราะห์สถานการณ์เป็นเหมือนการมองแผนที่และสแกนภูมิประเทศอย่างละเอียด เพื่อให้เราสามารถวางแผนเส้นทางที่ดีที่สุดได้ การรู้จักทั้ง "เขา" (สภาพแวดล้อมภายนอกและคู่แข่ง) และ "เรา" (สภาพแวดล้อมภายในองค์กร) จะทำให้เราเข้าใจถึงโอกาสที่รออยู่ และภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก: PESTEL Analysis
สภาพแวดล้อมภายนอกคือปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้โดยตรง แต่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อธุรกิจของเรา PESTEL Analysis เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของปัจจัยเหล่านี้:
P – Political (การเมือง): นโยบายของรัฐบาล, กฎหมาย, ข้อบังคับ, ความมั่นคงทางการเมือง เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น นโยบายภาษีใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงาน, หรือมาตรการควบคุมการนำเข้า-ส่งออก
E – Economic (เศรษฐกิจ): อัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, อัตราการว่างงาน, กำลังซื้อของผู้บริโภค, การเติบโตของ GDP ปัจจัยทางเศรษฐกิจกำหนดขนาดของตลาดและความสามารถในการใช้จ่ายของลูกค้า
S – Social (สังคม): วัฒนธรรม, ค่านิยม, ทัศนคติ, พฤติกรรมผู้บริโภค, แนวโน้มประชากร การทำความเข้าใจสังคมจะช่วยให้เราสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
T – Technological (เทคโนโลยี): นวัตกรรมใหม่ๆ, การพัฒนาซอฟต์แวร์, การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เทคโนโลยีสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ หรือทำให้ธุรกิจเดิมล้าสมัยได้รวดเร็ว เช่น AI หรือ Blockchain
E – Environmental (สิ่งแวดล้อม): กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ความยั่งยืน, การใช้ทรัพยากร ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคและภาครัฐมีผลต่อภาพลักษณ์และการดำเนินงานของธุรกิจมากขึ้น
L – Legal (กฎหมาย): กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค, กฎหมายลิขสิทธิ์, กฎหมายการแข่งขัน, กฎหมายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ข้อบังคับทางกฎหมายมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างถูกต้องและหลีกเลี่ยงปัญหา
การวิเคราะห์ PESTEL ไม่ใช่แค่การรวบรวมข้อมูล แต่คือการทำความเข้าใจว่าปัจจัยเหล่านี้จะ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเราอย่างไร ในอนาคต
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน: ทรัพยากร, ความสามารถหลัก, โครงสร้างองค์กร
หลังจากมองออกไปข้างนอกแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องมองกลับมาที่ตัวเองอย่างตรงไปตรงมา สภาพแวดล้อมภายในคือสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ และเป็นตัวกำหนด จุดแข็ง และ จุดอ่อน ขององค์กร:
ทรัพยากร (Resources):
ทรัพยากรที่จับต้องได้: สินทรัพย์ทางการเงิน (เงินทุน), ทรัพยากรทางกายภาพ (อาคาร, ที่ดิน, เครื่องจักร, อุปกรณ์)
ทรัพยากรที่จับต้องไม่ได้: ชื่อเสียงแบรนด์, สิทธิบัตร, ความรู้ความเชี่ยวชาญของพนักงาน, ความสัมพันธ์กับลูกค้า
ความสามารถหลัก (Core Competencies): สิ่งที่เราทำได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด และเป็นรากฐานของข้อได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น ความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมอย่างรวดเร็ว, การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ, หรือประสิทธิภาพในการผลิตที่สูง
โครงสร้างองค์กร (Organizational Structure): การจัดแบ่งหน้าที่, สายการบังคับบัญชา, ระบบการสื่อสาร และวัฒนธรรมองค์กร สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความคล่องตัวในการตัดสินใจและการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ
การประเมินทรัพยากรและความสามารถหลักอย่างแม่นยำจะช่วยให้เรารู้ว่าเรามี "อาวุธ" อะไรอยู่ในมือ และ "จุดอ่อน" ตรงไหนที่เราต้องเสริมสร้าง
การวิเคราะห์คู่แข่งและ SWOT Analysis
การรู้จักคู่แข่งคือหัวใจสำคัญของการวางกลยุทธ์ เราต้องเข้าใจว่าคู่แข่งคือใคร พวกเขาทำอะไร และทำไมลูกค้าถึงเลือกพวกเขา
Porter's Five Forces Model: เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการวิเคราะห์ความน่าดึงดูดของอุตสาหกรรมและความรุนแรงของการแข่งขัน:
การคุกคามจากผู้เล่นรายใหม่ (Threat of New Entrants): ง่ายแค่ไหนที่คู่แข่งรายใหม่จะเข้ามาในตลาด? (อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด เช่น เงินลงทุน, กฎระเบียบ, เทคโนโลยี)
อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ (Bargaining Power of Buyers): ลูกค้ามีอำนาจในการต่อรองราคาหรือข้อเสนอมากแค่ไหน?
อำนาจต่อรองของผู้ขาย/ซัพพลายเออร์ (Bargaining Power of Suppliers): ซัพพลายเออร์มีอำนาจในการกำหนดราคาหรือเงื่อนไขมากแค่ไหน?
การคุกคามจากสินค้าทดแทน (Threat of Substitute Products or Services): มีสินค้าหรือบริการอื่นที่สามารถตอบสนองความต้องการเดียวกันกับของเราได้หรือไม่?
ความรุนแรงของการแข่งขันในอุตสาหกรรม (Rivalry Among Existing Competitors): คู่แข่งในตลาดปัจจุบันแข่งขันกันรุนแรงแค่ไหน? (จำนวนคู่แข่ง, การเติบโตของตลาด, ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์)
SWOT Analysis: เมื่อเราได้ข้อมูลทั้งจาก PESTEL, การประเมินภายใน, และ Five Forces แล้ว เราจะนำมาสรุปในรูปแบบ SWOT เพื่อระบุ:
S – Strengths (จุดแข็ง): ปัจจัยภายในที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร (เช่น แบรนด์แข็งแกร่ง, ทีมงานมีประสบการณ์)
W – Weaknesses (จุดอ่อน): ปัจจัยภายในที่เป็นอุปสรรคต่อองค์กร (เช่น เทคโนโลยีล้าสมัย, ขาดเงินทุน)
O – Opportunities (โอกาส): ปัจจัยภายนอกที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร (เช่น ตลาดใหม่ที่กำลังเติบโต, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค)
T – Threats (อุปสรรค/ภัยคุกคาม): ปัจจัยภายนอกที่เป็นอันตรายต่อองค์กร (เช่น คู่แข่งรายใหม่, กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น)
การระบุโอกาสและความท้าทายจาก SWOT Analysis คือขั้นตอนสำคัญที่เชื่อมโยงการวิเคราะห์สถานการณ์เข้ากับการกำหนดกลยุทธ์ในบทต่อไป เพราะเมื่อเราเห็นภาพรวมทั้งหมด เราจะสามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด และเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้.
ในบทถัดไป เราจะนำข้อมูลจากการวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมด มาเป็นรากฐานในการกำหนด วิสัยทัศน์และพันธกิจ ขององค์กร ซึ่งเป็นเข็มทิศที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมายที่ต้องการ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น